วันที่ 23 ต.ค 2554
นับว่าเป็นโอกาสที่ได้ทำอะไรดีๆกับเขาบ้าง
นับจากเหตุการน้ำท่วมประเทศมาร่วมจะ3เดือน
จึงคิดว่าอยู่เฉยไม่ได้ ตลอดระยะเวลาร่วมเดือน
จึงได้ไปเป็นอาสา ทำอะไรหลายๆอย่าง ที่ในชีวิตไม่เคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการแพ็คถุงยังชีพ กรอกกระสอบทราย บริการอาหารให้แก่อาสาฯ แม้กระทั่งลุยน้ำไป สอบถามสารทุขสุกดิบ ของผู้อพยพที่ศูนย์ธรรมศาสตร์ รังสิต
ซึ่งตอนนี้ทางศูนย์ก็โดนน้ำท่วมแล้ว ผู้คนข้างในอยู่กันอย่างเครียด เพราะน้ำกิน น้ำใช้ก็ร่อยหรอ อาหารสดก็บูดเน่าเพราะไม่มีตู้แช่ ไฟก็โดนตัด อยากกลับบ้านอยากย้ายออกก็ทำไม่ได้ เพราะบ้านก็ยังจมน้ำอยู่ และการช่วยเหลือจากภาครัฐก็แย่มาก ไอ้เราในฐานะประชาชนโง่ๆคนนึงก็ได้แต่ฟังและส่งทวิตเตอร์ขอความช่วยเหลือ ต้องขอขอบคุณที่ชาวทวิตเตอร์ช่วยกันรีทวีตให้ด้วย หวังว่าข้อความที่ส่งไปจะไปกระตุ้นให้คนอื่นเข้าไปช่วยเหลือ จะว่าไปการไปเยี่ยมครั้งนี้ ก็เหมือนกับการลงพื้นที่แบบนักการเมืองทำนะ เพียงแต่พวกเราเป็นแค่ Someone เท่านั้น ไม่ใช่ Special one ก็ทำได้ในฐานะประชาชนที่พอจะมีกำลังทรัพย์และกำลังกาย ถ้าภาครัฐเลิกเล่นการเมืองซะที ป่านนี้ปัญหามันคงคลี่คลายไปนานแล้ว
มันก็เริ่มตั้งแต่พวกคุณ ไม่ยอมจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ แต่ดันเอาเวลาไปกระชับสัมพันธ์กับเขมร เอาเวลาไปช่วยพวกพ้องของตน และเอาเวลาไปใช้ในเรื่องส่วนตัวอีก ขาดการลำดับความสำคัญอย่างมาก ทุกอย่างช่างอีรุ่ยฉุยแฉะ ไม่เป็นโล้เป็นพาย จนเมื่อโดนกระแสสังคม คุณก็หันมาแกล้งแยแสประชาชนผู้เดือดร้อนแต่การทำงานก็ไม่มีประสิทธิภาพ บุคลากรที่คัดมาก็ไร้ประสบการณ์ มันช่างเบาสมองเหลือเกิน ถ้าการที่มีอำนาจแต่จัดการอะไรไม่ได้ ก็คืนอำนาจให้ประชาชนดีกว่าไหม ยิ่งการที่ได้ลงพื้นที่ครั้งนี้ ข่าวลือต่างๆที่ได้ยิน ข้อครหาที่ได้ฟัง มันช่างชัดเจนเสียจริง
สุดท้ายนี้ต้องขออภัยที่เห็นต่างในนโยบายตลอดจนวิธีการดำเนินงานหรือการทำงานของรัฐ เห็นต่างได้ไม่ผิดกติกามิใช่หรือ เพราะนี่คือ วิถีประชาธิปไตย จงอย่าปิดกั้นความคิดกันนักเลย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น